ข่าว

วิธีการจำแนกการเคลือบสถาปัตยกรรม?

Update: สีทาอาคาร ส่วนใหญ่หมายถึงประเภทของสีที่ใช้สำหรับตกแต่งผนังภายใน ผนังภายนอก เพดาน และพื้นของอาคาร รวมทั้งประตูและหน้า...
Summary:19-11-2021
สีทาอาคาร ส่วนใหญ่หมายถึงประเภทของสีที่ใช้สำหรับตกแต่งผนังภายใน ผนังภายนอก เพดาน และพื้นของอาคาร รวมทั้งประตูและหน้าต่าง หลังคา และส่วนประกอบไม้และโลหะทั้งหมด




(1) จำแนกตามส่วนที่ใช้สี สามารถแบ่งได้เป็นสีเคลือบผนัง สีเคลือบพื้น สีเคลือบหลังคา สีเคลือบไม้ และสีเคลือบกันการปักด้วยโลหะ

(2) ตามคุณสมบัติของวัสดุขึ้นรูปฟิล์มหลักของสารเคลือบสถาปัตยกรรม สามารถแบ่งออกเป็นสารเคลือบอินทรีย์ สารเคลือบอนินทรีย์ และสารเคลือบคอมโพสิตอินทรีย์อนินทรีย์ สารเคลือบสถาปัตยกรรมอินทรีย์สามารถแบ่งออกเป็นสารเคลือบแบบตัวทำละลายและสารเคลือบแบบน้ำ (รวมถึงสารเคลือบที่ละลายน้ำได้และสารเคลือบแบบอิมัลชัน) ตามสื่อการกระจายตัวต่างๆ ที่ใช้ สารเคลือบที่ใช้ตัวทำละลายประกอบด้วยสารเคลือบโพลียูรีเทน อีพ็อกซี่ ยางคลอรีน และสารเคลือบเปอร์คลอโรเอทิลีน ตัวทำละลายที่ใช้น้ำและวัสดุที่มีเรซินเป็นส่วนประกอบหลักเป็นอิมัลชันสูตรน้ำอินทรีย์หรือสารเคลือบแบบน้ำ สารเคลือบประเภทนี้มีการใช้งานที่หลากหลายและเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด เช่น โพลิไวนิลอะซิเตท อิมัลชัน อิมัลชันสไตรีน-อะคริลิก อิมัลชันเอทิลีน-โพรพิลีน อิมัลชันอะคริลิกบริสุทธิ์ อิมัลชันบางส่วนของคลอรีน เป็นต้น

(3) จำแนกตามสื่อกระจาย สามารถแบ่งออกเป็นสารเคลือบที่ละลายน้ำได้ สารเคลือบที่ใช้น้ำยางข้น สารเคลือบที่ใช้ตัวทำละลาย และสารเคลือบที่ปราศจากตัวทำละลาย

(4) จำแนกตามลักษณะการตกแต่ง สามารถแบ่งออกเป็นสีทาผนังแบบเรียบ สีทาตกแต่งแบบทราย และสีทาตกแต่งลวดลายสามมิติ

(5) จำแนกตามฟังก์ชันการเคลือบ สามารถแบ่งออกเป็นสารเคลือบหลุมร่องฟัน, สีโป๊ว, สีรองพื้น, สารเคลือบกลางและสีทับหน้า

(6) ตามประสิทธิภาพของฟิล์มเคลือบ สีที่มีคุณสมบัติพิเศษในการเคลือบสถาปัตยกรรมสามารถแบ่งออกเป็นสารเคลือบกันน้ำ สารเคลือบป้องกันเชื้อรา สารเคลือบป้องกันการกัดกร่อน สารเคลือบป้องกันฝ้า สารเคลือบป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ สารเคลือบเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ และประเภทอื่นๆ

(7) จำแนกตามสัณฐานวิทยา ตามรูปแบบของการเคลือบสถาปัตยกรรม สามารถแบ่งออกเป็นการเคลือบของเหลว เคลือบผง และประเภทอื่น ๆ